หากพูดถึงจักรยานไฟฟ้า หรือ E-bike ในบ้านเราหลายคนอาจจะยังไม่รู้จักและคุ้นเคยกันมากเท่าไหร่ เนื่องจากจักรยานไฟฟ้ายังไม่เป็นที่นิยมหรือแพร่หลายมากนักในบ้านเรา จักรยานไฟฟ้า E-Bike มาจากคำว่า Electronic Bicycle หมายถึง จักรยานที่ประกอบไปด้วยแบตเตอรี่ และ มอเตอร์ เพื่อวัตถุประสงค์ในการออกแรงสนับสนุน หรือ ทดแทนการออกแรงในการปั่น ในต่างประเทศแบ่งประเภทของจักรยานไฟฟ้า ไว้ 2 ประเภทด้วยกัน
1. จักรยานไฟฟ้าชนิดไม่ใช้แรงคนในการปั่น (E-Bike) โดยจะขับเคลื่อนได้ด้วยพลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าเป็นหลัก บ้านเราจะรู้จักรถชนิดนี้ในชื่อว่า Electronic Scooter หรือ สกู๊ดเตอร์ไฟฟ้า โดยใช้มอเตอร์เป็นตัวขับเคลื่อน ในประเทศส่วนใหญ่มักจะกำหนดพลังงานของมอเตอร์ จะมีการควบคุมและจำกัดไว้ที่ 250 W และความเร็วสูงสุดถึง 25 กม./ชม. เมื่อคุณปั่นไปถึงความเร็วนี้มอเตอร์จะปิดโดยอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังมี e-bikes ประสิทธิภาพสูงที่มีความเร็วสูงกว่าแบบมาตรฐาน ซึ่งสามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ถึง 45 กม./ชม.
2. จักรยานไฟฟ้าที่ใช้แรงคนในการปั่น (PEDELEC) มาจากคำว่า PEDAL ELECTRIC CYCLE ซึ่งใช้พลังงานที่ขับเคลื่อนด้วยแรงคนปั่นผ่านลูกบันได และประมวลผลให้มอเตอร์ส่งพลังงานมาช่วยเสริมแรง ซึ่งความชาญฉลาดในการจ่ายพลังงานของมอเตอร์ ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี ยิ่งใช้เทคโนโลยีมาก รถจักรยานก็ยิ่งมีราคาที่สูงขึ้นไป แต่จะแลกมาด้วยการตอบสนองที่เสมือนจริง ไม่สูญเสียอรรถรสในการขี่แต่อย่างใด ซึ่งหากเราจะมองจักรยานเพื่อการออกกำลังกายการกีฬาแล้วจะพูดถึงเฉพาะ E-Bike ประเภท PEDELEC นี้เท่านั้น
จักรยาน E-bike หรือ PEDELEC ตามที่ได้อธิบายไว้ก่อนหน้านั้น มีศักยภาพในการทำลายขีดจำกัดในการปั่นจักรยานทั่วไปที่จะทำให้ไปได้ไกลขึ้น สูงขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น E-bike เปรียบเสมือนโอกาส โอกาสที่จะทำให้ได้รับประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นกว่าเดิมร่วมกับเพื่อนและครอบครัวด้วยเทคโนโลยีอันชาญฉลาด ทำให้สามารถเดินทางไปได้ทุกที่ทุกเวลา เหตุผลที่ทำให้ E- bike นั้นคุ้มค่าแก่การลงทุนซื้อ คือ
1.ปั่นได้ไกลขึ้นและเร็วยิ่งขึ้น นักปั่นจักรยานหลายคนที่มีปัญหาขาดการฝึกซ้อมหรือสะสมประสบการณ์ปั่น ทำให้มีแรงในการปั่นจักรยานได้ไม่เท่าเดิมอีกทั้งยังเกิดปัญหาเหนื่อยง่ายหมดแรงไว E-bike ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับนักปั่นที่มีเวลาน้อยแต่มีใจรักและชื่นชอบการปั่นจักรยาน E-bike นั้นมีความสามารถในการทดแทนการออกแรงในการปั่น จึงทำให้คุณนั้นสามารถปรับเปลี่ยนโหมดการใช้งานได้อย่างอิสระตามที่ใจต้องการไม่ว่าคุณจะเดินทางไปไกลหรือต้องใช้เวลาเร็วแค่ไหนจักรยาน E-Bike จะพาคุณนั้นไปถึงยังจุดหมายได้อย่างแน่นอน
2. ปรับปรุงการออกกำลังกาย พูดถึงการออกกำลังกายหลายๆคนเลือกวิธีการปั่นจักรยาน เพราะการปั่นจักรยานนั้นให้ทั้งความสนุกและตื่นเต้น อีกทั้งยังให้สุขภาพที่ดีแก่ผู้ปั่น แต่จะดีกว่าไหมถ้าหากคุณสามารถปั่นจักรยานที่คุณชอบได้นานและสนุกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งผลลัพธ์ที่ได้จากการปั่นนั้นยังดียิ่งกว่าเดิม E-bike ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับนักปั่นสุขภาพ โดยพื้นฐานแล้วแบตเตอรี่ในรถจักรยานไฟฟ้าจะให้พลังงานแก่มอเตอร์ ซึ่งจะถูกแปลงเป็นพลังงานกลแล้วให้พลังงานเพิ่มเติมสำหรับการปั่น ทำให้คุณสามารถควบคุมพลังงานในการออกกำลังกายได้ดียิ่งขึ้น ยืดเวลาในการปั่นได้นาน และเผาผลาญไขมันได้มากกว่าจักรยานทั่วไป
3. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ภายใต้ผลกระทบที่รุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทั่วโลกและภาวะโลกร้อน เรามีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องโลก วิธีหนึ่งที่ดี คือ การเปลี่ยนไปใช้ระบบขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมซึ่ง E-bike ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี ในทุกๆครั้งที่เราปั่น E-bike นอกจากจะมีสุขภาพที่ดีขึ้นแล้ว E-bike นั้นยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
4. เหมาะสำหรับทางเรียบและทางวิบาก E-bike เส้นทางที่ยากลำบากไม่ใช่ปัญหา เพราะจักรยานไฟฟ้านั้นมีความสามารถในการทดแทนแรงแม้ในเส้นทางที่ลาดชันเราสามารถปรับเปลี่ยนโหมดให้ตรงกับความต้องการในการใช้งาน ไม่ว่าเส้นทางนั้นจะยากลำบากแค่ไหน E-bike จะช่วยให้คุณนั้นไปถึงเป้าหมายได้อย่างที่ใจคุณนั้นต้องการ
5.รับประสบการณ์ที่น่าสนใจและน่าตื่นเต้น หากคุณมีความใฝ่ฝันในการท่องเที่ยวผจญภัยในป่าด้วยจักรยาน แต่ใจไม่กล้าพอ เพราะเกรงว่าจะหมดแรงก่อนถึงที่หมาย ทำให้ระยะทางเป็นอุปสรรคต่อความฝันของคุณ E-Bike ถือเป็นตัวช่วยทำให้ความฝันของคุณนั้นเป็นจริงได้ ด้วยระบบการใช้งานที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเส้นทางที่คุณจะไปไม่ว่าเส้นทางนั้นจะมีความยากลำบากแค่ไหนก็ตาม แต่E-bike จะเป็นกำลังสำคัญให้คุณนั้นสามารถสนุกสนานในป่าได้ไกลยิ่งขึ้น ได้นานยิ่งขึ้น และมั่นใจได้ว่าสามารถปั่นได้จนครบเส้นทาง
E-bike ก็เหมือนกันกับยานพาหนะอื่นที่จะต้องมีการดูแลรักษาอยู่เป็นประจำเพื่อช่วยให้ตัวจักรยานไฟฟ้านั้นสามารถที่จะใช้งานได้อย่างต่อเนื่องและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานรวมถึงมีความปลอดภัย
E-bike จะแตกต่างจากจักรยานปกติทั่วไปตรงที่จะมีส่วนอุปกรณ์เพิ่มขึ้นมาได้แก่มอเตอร์ไฟฟ้า แบตเตอรี่และกล่องควบคุม ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีการดูแลรักษาอยู่เป็นประจำโดยการดูแลรักษาทั่วไปนั้นก็เหมือนกับการดูแลจักรยานธรรมดา ได้แก่
1. การตรวจเช็คสภาพลมยางทั้งหน้าและหลังอย่างสม่ำเสมอเป็นการรักษาสภาพชุดมอเตอร์จักรยานไฟฟ้าเช่นกัน เพราะลมยางที่เหมาะสม จะช่วย support แรงกระแทกที่เกิดขึ้นกับตัววงล้อ ซี่ลวด และแกนมอเตอร์
2. ตรวจเช็คระบบเบรกให้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม กล่าวคือ หากเบรกค้าง หรือผ้าเบรกมี Gap อยู่ชิดล้อเกินไป จนเสียดสีอยู่ตลอดเวลา ทำให้มอเตอร์ทำงานหนักขึ้นโดยไม่จำเป็น ตรวจเช็คอย่างง่ายโดยการทดลองบิดและสังเกต หรือฟังเสียง ว่าผ้าเบรกมีการเสียดสีกับวงล้อหรือไม่
3. หลีกเลี่ยงการทิ้งแบตเตอรี่ไว้กลางแดดเมื่อไม่ใช้งาน เพราะความร้อน จะทำให้ประสิทธิภาพการเก็บประจุลดลง อีกทั้งยังทำให้แบตเตอรี่เสื่อมสภาพ โดยไม่จำเป็น
4. ไม่ควรฉีดน้ำอัดเข้าไปในช่องสายไฟที่ออกมาจากมอเตอร์ อย่างที่เคยบอก มอเตอร์ลุยฝนได้สบาย แต่การเจตนาฉีดน้ำอัดเข้าไปที่ช่องสายไฟ อาจจะมีโอกาสทำให้น้ำเข้าไปตามช่องว่างของseal ที่อาจจะเสื่อมสภาพไปตามเวลา
5. หลีกเลี่ยงใช้แบตเตอรี่จนหมดเกลี้ยง เนื่องจากแบตเตอรี่จะเสื่อมสภาพเร็วมากขึ้น วิธีที่ดีคือ เมื่อใช้แบตไปสัก 20% เป็นต้นไป ก็ควรชาร์ตให้เต็มก่อนใช้งานครั้งใหม่ แต่ที่ดีที่สุด คือชาร์จแบตที่ระดับแบตเหลือเพียง 40% จะทำให้แบตมีอายุยาวนานที่สุด
จักรยานไฟฟ้า หรือ E-bike ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีในการอออกกำลังกายที่น่าทึ่ง E-bike นั้นสามารถพัฒนาทักษะการออกกำลังกายและการปั่นจักรยานในแบบที่คุณต้องการ แล้วใครกันละที่ควรปั่น E- bike
1. นักปั่นสูงวัย นักปั่นตัวยงที่เริ่มมีอายุมากขึ้นหรือผู้สูงอายุที่ต้องการเริ่มต้นปั่นจักรยานไปกับกลุ่มเพื่อแล้วตามไม่ทัน ถึงทันก็ไม่จบทริป หมดแรงก่อนถึงที่หมายทุกทีจักรยาน E-bike ถือเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการแก้ปัญหาคุณอาจได้รับประโยชน์จาก E-bike เป็นอย่างมาก เพราะ E-bike จะช่วยแก้ปัญหาเหล่านี้ให้คุณสามารถปั่นไปกับเพื่อนได้จนจบทริป
2.นักปั่นจักรยานเสือภูเขามือใหม่หรือระดับกลาง สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มปั่นจักรยานเสือภูเขา E-bike เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สามารถช่วยให้คุณค่อยๆสร้างกำลังและความมั่นใจในการปั่น ด้วยความช่วยเหลือของเทคโนโลยีอันชาญฉลาดที่สามารถเพิ่มและลดการออกแรงในส่วนการปั่น ทำให้คุณสามารถฝึกการปั่นไปในเส้นทางที่ยากลำบากได้โดยไม่ทำให้ร่างกายบอบช้ำจนเกินไป
3.นักปั่นจักรยานทางไกล เส้นทางจักรยานสวย ๆ มักอยู่บนพื้นที่เขาสูง การยืนโยกแบบ Pro ให้ความรู้สึกฟินอย่างบอกไม่ถูก แต่คงไม่สนุกเท่าไหร่ ถ้าคุณจะต้องยืนโยกขึ้นเขา ด้วย Heart rate Zone 4-5 อย่างต่อเนื่องตลอดเส้นทาง ดังนั้น E-Bike ให้คุณสามารถกดปุ่มเรียกตัวช่วยจากโหมดสนับสนุนกำลังจากมอเตอร์ได้เท่าที่ต้องการ ทำให้คุณสามารถ มองดู Heart rate Zone 2-3 บนหน้าไมล์จักรยาน ฮัมเพลงเบา ๆ และยืนโยกผ่านเนินชัน ๆ ได้อย่างมีความสุข แบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน
4. นักปั่นสันทนาการ ไม่ใช่ทุกคนที่ปั่นจักรยานเพื่อการแข่งขันบางคนปั่นจักรยานเพื่อความสนุกสนานและตื่นเต้น หากคุณมีใจรักในความเร็ว เคยฝึกฝน มีทักษะการใช้ MTB ระดับเทพ ภาระหน้าที่ หรืออุบัติเหตุหนัก ที่ทำให้ไม่สามารถฝึกซ้อมได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้การกระโดดจั้มเนินด้วยท่าสวย ๆ กลายเป็นการไต่ข้ามไปให้พ้น ๆ เนื่องจากพละกำลังในการส่งแรงไม่เพียงพอ E-Bike จะทำให้ความโชติช่วงชัชวาลในอดีตของคุณกลับมาอีกครั้ง
Comments