สิ่งแรกที่พึงรู้เกี่ยวกับ All new Propel คือ มันสร้างขึ้นเพื่อชัยชนะ ในการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งมีเหตุผลว่าทำไม Aero RoadฺBike นี้ เปิดตัวใน Tour de France ปี 2022 เพราะนี่คือจักรยานที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อมอบความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับมือโปรอย่าง Dylan Groenewegen และ Michael Matthews จาก Team BikeExchange-Jayco ในเวลาที่สำคัญที่สุด
หลายปีที่ผ่านมา วิศวกรรมและการพัฒนา ตามด้วยการทดสอบเพิ่มเติมที่การแข่งขันขนาดเล็กเมื่อต้นปี Groenewegen ได้เปิดตัว Propel Advanced SL ใหม่สู่สาธารณชน ด้วยชัยชนะครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในอาชีพการนักปั่นของเขา ที่ Stage 3 ของ Tour Dutchman เอาชนะสปรินเตอร์ที่เก่งที่สุดในโลกด้วยภาพหน้าเส้นชัย สิบสามวันต่อมา Matthews พิสูจน์ให้เห็นว่า All new Propel สามารถทำได้มากกว่านั้น เมื่อเขาชนะ Stage 14 ที่ทรหดและเป็นเนินเขาด้วยการโจมตีเดี่ยวอย่างน่าทึ่ง
สำหรับผู้จบสกอร์เร็วอย่าง Groenewegen และ Matthews การชนะหรือไม่ชนะมักขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่สำคัญในช่วงท้ายกิโลเมตร การวางตำแหน่ง การไล่ล่า การจู่โจม โน้มตัวเข้าโค้งด้วยเทคนิคชั้นสูง การพุ่งเข้าเส้นชัย ล้วนเป็นสิ่งชี้วัดความสำเร็จ ที่ All new Propel สนับสนุนอย่างดีเยี่ยมในทุก ๆ รูปแบบ
INTEGRATED AERODYNAMICS
หลักการออกแบบ ที่เป็นเบื้องหลังความสำเร็จ ของ All new Propel คือ เทคโนโลยี AeroSystem Shaping ซึ่งเป็นกระบวนการที่สามารถเห็นเป็นผลรวมของทุกส่วน มันเกี่ยวกับการวิเคราะห์ทุกท่อ โค้ง มุม และส่วนประกอบ ทั้งแบบเฉพาะส่วน และแบบองค์รวม เป้าหมายในการออกแบบส่วนประกอบต่างๆ ทั้งหมด ที่ประกอบขึ้นเป็นระบบนี้คือการจำลองสภาพการขับขี่ในโลกเสมือนเป็นจริง ทีมวิศวกรเริ่มกระบวนการนี้ด้วยซอฟต์แวร์จำลองการไหลของอากาศที่เรียกว่า computational fluid dynamics (CFD) หลังจากที่ตัวเลขทั้งหมดถูกวิเคราะห์แล้ว รูปแบบทางกายภาพก็ถูกสร้างขึ้น จากนั้น การทดสอบในอุโมงค์ลม ตามด้วยขั้นตอนสุดท้าย คือ การผลิตจักรยานตัวอย่างและทดสอบบนท้องถนนกับนักกีฬามืออาชีพของเรา
TRUNCATED ELLIPSE TUBING
AeroSystem Shaping คือสิ่งที่นำวิศวกรมาใช้รูปทรง Airfoil วงรีตัดเป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสามารถพบได้ในชิ้นส่วนที่สำคัญของ Frameset ซึ่งรวมถึง downtube seattube และ down tube การทำงานร่วมกับนักอากาศพลศาสตร์ชื่อดังที่อุโมงค์ลม GST ใน Immenstaad ประเทศเยอรมนีเพื่อจำลองสภาพการขับขี่ในโลกเสมือนจริงได้อย่างแม่นยำ พวกเขาใช้หุ่นจำลองไดนามิกเพื่อวิเคราะห์ปัจจัยทางอากาศพลศาสตร์ไม่ใช่แค่ตัวรถเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ขี่และจักรยานด้วย
HOLISTIC APPROACH
การผสมผสานระหว่าง CFD และการวิเคราะห์อุโมงค์ลมทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนเฟรมเซ็ตที่คุณเห็นใน All new Propel Advanced SL ส่วนหน้าซึ่งตามหลักอากาศพลศาสตร์มีความสำคัญมากที่สุด มีเส้นแกะสลักและรูปทรงวงรีที่ถูกตัดออกเพื่อลดแรงฉุด ตามแนวทางแบบองค์รวมของเราในการออกแบบตามหลักอากาศพลศาสตร์ เราได้สร้างโครงกระติก ที่แตกต่างกันสองแบบ (หนึ่งอันสำหรับท่อล่าง และอีกอันสำหรับท่อที่นั่ง) เพื่อลดการแรงฉุดตามหลักอากาศพลศาสตร์สำหรับท่อเฉพาะเหล่านี้
COMPONENTS INTEGRATION
เมื่อพูดถึงการเพิ่มอากาศ เฟรมนั้นเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราว แต่ไม่ใช่ทั้งหมด แฮนด์จับและคอแฮนด์ของ Contact SLR Aero ที่เป็นเอกสิทธิ์ใหม่นี้ช่วยลดแรงต้าน เช่นเดียวกับล้อ CADEX 50 และยาง CADEX Aero รุ่นใหม่ เมื่อเปรียบเทียบจักรยาน All new Propel Advanced SL กับรุ่นก่อนหน้า รุ่นใหม่นี้ได้ลดแรงฉุดตามหลักอากาศพลศาสตร์ ได้ถึง 6.21 วัตต์ ซึ่งเท่ากับการประหยัดเวลา 27 วินาทีในระยะทาง 40 กม. ที่ 40 กม./ชม.
EASIER ADJUSTABILLITY
ชุด Cockpit ได้รับการออกแบบใหม่ทั้งหมด ทั้ง Handlebar และ Stem Contact SLR Aero สองชิ้นที่เป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งช่วยให้การเปลี่ยนส่วนประกอบ และการปรับแต่งให้พอดีได้ง่ายขึ้น ระบบ OverDrive Aero ใหม่นี้ช่วยซ่อนสายเคเบิล และท่อจากลมโดยหลีกเลี่ยงความซับซ้อนที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบ Handlebar และ stem แบบ integrated ของจักรยานเสือหมอบทั่วไปในทุกวันนี้
Carbon Handlebar Contact SLR Aero ใหม่ มีส่วนบนที่แบนราบเพื่อประสิทธิภาพด้านอากาศและความสะดวกสบายของมือ พร้อมดรอปที่ลึกกว่าเพื่อเพิ่มการควบคุมขณะวิ่ง เข้าโค้ง และลงจากที่สูง
ALL-AROUND PERFORMANCE
ความสติฟฟ์ที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจาก head tube, down tube และ bottom bracket area แต่การสร้างเฟรมเซ็ตแบบสติฟฟ์เป็นพิเศษ ไม่ได้ทำให้เร็วขึ้นเสมอไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานรอบด้าน ในสภาพการใช้งานจริง การความรู้สึกในการขับขี่ และการควบคุมที่ดี ก็มีบทบาทเช่นกัน ด้วยเหตุนี้ ช่วงหลังของ All new Propel จึงได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้มีคุณภาพในการขับขี่ที่นุ่มนวลขึ้น ช่วยให้รถขับเคลื่อนได้รอบทิศทางมากขึ้น
IMPROVED ROAD HANDLING
Seat tube, Chain Stay และ Integrated Seatpost ทั้งหมดได้รับการออกแบบใหม่ โดยมีท่อที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางที่บางกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับ Propel Advanced SL รุ่นก่อน การออกแบบใหม่นี้ช่วยลดน้ำหนักและยังช่วยให้การควบคุมของ Propel ดีขึ้นอีกด้วย สามเหลี่ยมช่วงท้ายออกแบบใหม่ ทำให้การควบคุมดีขึ้น ถึง 85 เปอร์เซ็นต์ (ผ่าน Integrated Seatpost) ทำให้สามารถนั่งบนอานได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้น เมื่อปั่นบนทางเรียบ ช่วยลดความเมื่อยล้า ระยะห่างระหว่างเฟรมและตะเกียบที่เพิ่มขึ้น ช่วยให้คุณสามารถใช้ยางที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดใหญ่กว่าเดิม สูงสุด ถึง 30 มม. เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวลมากกว่าเดิม